
วัดถ้ำเสือเป็นอีกหนึ่งวัดที่มีพระองค์ใหญ่ที่สุดของจังหวัด กาญจนบุรี ที่มีความโดดเด่นและสวยงามเป็นเอกลักษณ์ มีพระเจดีย์ที่สามารถมองเห็นได้ในระยะไกลได้อย่างเด่นชัดเพราะ วัดนี้มีที่ตั้งเป็นเนินเขา ทั้งสูงและสวยเกินคำบรรยายจริงๆ นอกจากนี้ ผู้ที่มีจิตศรัทธาจะได้มาขอพรกราบไหว้ หลวงพ่อชินประทานพร และ สักการะพระบรมสารีริกธาตุภายในพระเจดีย์เกศแก้วปราสาท อีกด้วย จุดเด่นของวัดถ้ำเสือไม่ได้มีเพียงแค่ พระองค์ใหญ่ที่เด่นเท่านั้น แต่ทางวัดยังมี ทางเดินที่เป็นบันไดนาค มีความชันโดยประมาณ 60 องศา และมีจำนวน 157 ชั้นด้วยกันเหมาะกับการท้าทายและการออกกำลังกายได้เป็นอย่างดี เมื่อขึ้นบันไดมาถึงบนเขาที่เป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อชินประทานพรแล้ว ท่านก็จะได้มาสักการบูชาขอพรเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตอีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถตีระฆังเพื่อความเป็นสิริมงคลได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังมีพระอุโบสถสวยงามที่มีความเป็นวิจิตรศิลป์ที่สวยงาม มีพระเจดีย์เกศแก้วมหาปราสาท และบ่อน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ อีกด้วย โดยภายในวัดแห่งนี้จะมีห้องที่แบ่งออกไป 4 ห้องภายในถ้ำอีกด้วย ซึ่งภายในถ้ำก็จะสามารถเดินเขาไปชมความเป็นธรรมของถ้ำได้อีกด้วย หรับคนเฒ่าคนแก่หรือคนที่ขาแขนไม่ค่อยจะดี ก็สามารถขึ้นไปสักการบูชาพระองค์ใหญ่ได้โดยไม่ต้องขึ้นบันไดให้เมื่อยเพราะทางวัดถ้ำเสือได้มีบริการ รถไฟรางเหล็ก รับ – ส่ง คน ขึ้น – ลง วัดได้อย่างปลอดภัยในราคาแค่ 10 บาทเท่านั้น สะดวกสบายเหมาะกับคนที่มีจิตศรัทธาทุกเพศทุกวัยในราคาสบายกระเป๋า ซึ่งไฮไลท์ของทางวัดแห่งนี้นั้นก็คือการได้ขึ้นไปถึงจุดที่สูงที่สุดของทางวัด เพราะนอกจากจะได้มากราบไหว้สักการบูชาพระองค์ใหญ่แล้ว ท่านยังจะได้ชมวิวทิวทัศน์แบบ 360 องศา ซึ่งเป็นเป็นวิวที่ดีที่สุดของจังหวัดนี้เลยก็ว่าได้เพราะพื้นที่โดยรอบที่เป็นท้องนาและพื้นป่ารวมไปถึงหุบเขาล้อมรอบ สายลมที่พัดพาอากาศที่บริสุทธิ์ ซึ่งไม่อาจหาได้ในเมืองหลวงแบบนี้ นับว่าเป็นความคุ้มค่ากับใครก็ตามที่ต้องการมาเที่ยวพักผ่อนในวันหยุดสบายๆ แถมได้บุญแบบนี้ต้องมาที่วัดถ้ำเสือ กาญจนบุรี เท่านั้น
ประวัติและที่มา ของวัดถ้ำเสือ วัดถ้ำเสือเป็นวัดที่ตั้งอยู่ที่เนินเขา ต.ม่วงชุม อ. ท่าม่วง จ. กาญจนบุรี ซึ่งเดิมทีเป็นสำนักสงฆ์เล็กๆ ธรรมดาทั่วไป ที่อยู่ในบริเวณเนินเขาด้านล่าง ต่อมาด้วยแรงศรัทธาของชาวบ้านทั้งหลายที่มีความเลื่อมใสศรัทธาสำนักสงฆ์แห่งนี้จึงได้ร่วมแรงร่วมใจช่วยกันก่อสร้าง และบูรณะสำนักสงฆ์นี้อย่างต่อเนื่องจึงกลายมาเป็นวัดที่มีขนาดใหญ่โตและดูสวยงามในวิจิตรศิลป์ ซึ่งในปัจจุบันวัดแห่งนี้ได้มีการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างต่างๆ เพิ่มขึ้นอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นลานจอดรถ รถไฟรางเหล็กและอื่นๆ อีกมากมาย จนทำให้เกิดความสะดวกในการเดินทางเพื่อมาสักการบูชายิ่งนัก ที่ถ้ำเสือแห่งนี้ได้มีถูกค้นพบครั้งแรกโดยหลวงพ่อสิงห์ที่เป็นพระธุดงค์ได้จัดตั้งขึ้นเป็นสำนักสงฆ์เพื่อใช้เป็นสถานที่ศึกษาธรรม ต่อมาหลวงพ่อชื่นได้ทำการบูรณะใหม่จนกลายมาเป็นวัดถ้ำเสือในปัจจุบัน ซึ่งสังขารของหลวงปู่ชื่นนั้นประดิษฐานอยู่ที่ศาลาการเปรียญของวัดถ้ำเสือ และยังมีศาลาประดิษฐานรูปหล่อของเจ้าอาวาสหลวงพ่อสิงห์อยู่ ณ ที่วัดถ้ำเสือแห่งนี้อีกด้วย